เมื่อรถแล่นเข้ามาถึง “หนองหญ้าม้า” จะเรียกว่าทุ่งก็ได้ เพราะภูมิประเทศเป็นที่ราบเตียนโล่ง… พวกเราอดตื่นตาและประหลาดใจอยู่ไม่น้อย เพราะทั้งทุ่งขาวโพลนไปด้วย “ดอกกระดุมเงิน” ดอกหญ้าธรรมดาที่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระราชทานนามว่า “มณีเทวา” แต่คนถิ่นอีสานเค้าเอิ้นว่า “หญ้าหัวหงอก”
ถึงเราจะเคยพบทุ่งดอกหญ้า ดงดอกไม้มาหลายแห่ง ส่วนใหญ่มักจะขึ้นปะปนกันอยู่บนลานหินหรือพื้นราบบนเขาสูง มาอวดโชว์สีสัน ความงาม เมื่อย่างเข้าฤดูหนาวแค่ช่วงสั้น ๆ ไม่เกิน 3 เดือน ก็จะแห้งหายกลายเป็นหญ้าธรรมดาไม่น่าชม แต่ไม่เคยเจอทุ่งกระดุมเงินที่กว้างใหญ่อย่างที่หนองหญ้าม้าแห่งนี้เลย คำนวณด้วยสายตา น่าจะใหญ่กว่าท้องสนามหลวงเป็นแน่
สอบถามจากชาวบ้านย่านนี้ได้ความว่า… พื้นที่อยู่ในความรับผิดชอบของ มณฑลทหารบกที่ 22 ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ … ใช้เป็นสถานที่ซ้อมยุทธวิธีและฝึกยิงด้วยกระสุนจริง แต่อย่าได้ตกใจไป เพราะทางการเค้ามีการแจ้งเตือนล่วงหน้าเป็นเดือน ๆ คนแถวนี้จึงคุ้นเคย จนเห็นเป็นเรื่องปกติ มักจะทำการฝึกในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ เวลาที่เหลือจากนั้นชาวบ้านก็จะเอาวัวควายมาปล่อยให้เดินหาหญ้าขบเคี้ยวกันตามสบาย
นอกจากหญ้าหัวหงอก … ยังมี “จอกบ่วาย” “สร้อยสุวรรณา” มากรีดกรายอยู่รายรอบ… สวยจนคิดไม่ถึงว่านี่คือเมืองไทย ยังเป็นโลเกชั่นยอดนิยมสำหรับถ่ายพรีเวดดิ้งของคู่รักหนุ่มสาวในพื้นที่และละแวกใกล้เคียง
แต่ขอความร่วมมือ… อย่าขับรถลุยทุ่งหรือเดินเหยียบย่ำให้เธอช้ำก่อนเวลาอันควร เพราะหนึ่งปีเธอมีเวลามาอวดโฉมแค่ช่วงสั้น ๆ ร่องเดิมรอยเก่าเค้ามีอยู่ ถึงรู้ว่ายังไงดอกหญ้ามันก็จะหมดอายุขัยไปเอง … ผ่านแล้ง ผ่านฝน ก็จะออกมาให้ยลโฉมใหม่ตอนปลายปี เป็นวัฏจักรของพืชพันธุ์ชนิดนี้ … ควรเก็บความงดงาม แบ่งปันให้คนมาทีหลังได้ชื่นชมบ้าง
“หนองหญ้าม้า” ตั้งอยู่ที่บ้านโนนเค็ง ต.คำขวาง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี … ดอกกระดุมเงินจะบานเต็มทุ่งราวเดือนพฤศจิกายน ถึงประมาณต้นเดือนมกราคม พลาดแล้วต้องรอฤดูกาลต่อไป … ควรเตรียมหมวกกันร้อน ร่มกันแดด น้ำดื่มติดไปด้วย เพราะแดดค่อนข้างแรง
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ …
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานอุบลราชธานี โทร.0 4524 3770, 0 4525 0714
