“เคาน์เตอร์ปิด 45 นาที ก่อนเวลาออกเดินทาง สำหรับเที่ยวบินภายในประเทศ”
ผมรอดจากการตกเครื่องแบบเฉียดฉิว นั่นคือมาถึงก่อนหน้าเคาน์เตอร์ปิด 2 นาที อุปสรรคระหว่างเดินทางเป็นเรื่องนอกเหนือการควบคุม ทำให้รู้ซึ้งถึงคุณค่าในส่วนต่างของเวลา ที่นกแอร์มอบให้ผู้โดยสาร ต่างจากเมื่อก่อนซึ่งต้องมาล่วงหน้าไม่น้อยกว่าหนึ่งชั่วโมง
รักเลย … ยอมใช้คำเชย ๆ แต่รู้สึกแบบนั้นจริง ๆ
หมอกบาง ๆ แสงนวลตาคือเสน่ห์ของดอนเมืองยามเช้า บัตรโดยสารแบบ บินเพลิดเพลิน (Nok MAX) กับน้ำหนักสัมภาระ 15 กิโลกรัม พร้อมอาหารเสิร์ฟร้อนบนเครื่อง ตัดความกังวลไม่ต้องหิ้วท้องไปถึงปลายทาง ทั้งยังจัดเต็มของจำเป็นบ้างไม่จำเป็นบ้างไปแน่นกระเป๋า
คอนเซ็ปต์ “นกเลือกได้” เปิดอิสระในการเลือกตั๋วโดยสาร ให้เหมาะกับการเดินทางของเราในแต่ละครั้ง โดยมีข้อเสนอให้ 3 ทางเลือก นอกเหนือจากบินเพลินเพลินยังมี บินสบาย (Nok X-tra) กับน้ำหนักสัมภาระ 15 กิโลกรัม สำหรับเส้นทางในประเทศ และ 20 กิโลกรัมสำหรับเส้นทางต่างประเทศ ส่วนใครมีแค่สัมภาระติดตัวขึ้นเครื่องเพียงอย่างเดียว บัตรโดยสารประเภท บินเบา ๆ (Nok Lite) อันนี้แหละใช่เลย
ยังมีบริการเสริมอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย อัปเดตข้อมูลผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่ www.nokair.com / แอปพลิเคชั่นนกแอร์ / Call Center 1318 / เคาน์เตอร์จำหน่ายบัตรโดยสารทุกแห่ง
หอฝิ่นอุทยานสามเหลี่ยมทองคำ
“หอฝิ่นเป็นโครงการต่อเนื่องมาจากโครงการพัฒนาดอยตุงตามพระราชดำริของสมเด็จย่า ทรงมีพระประสงค์ให้หอฝิ่นเป็นนิทรรศการในเชิงศึกษาบันเทิง โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้ทุนเงินกู้ระยะยาวจากกองทุนความร่วมมือทางเศรษฐกิจภาคโพ้นทะเล ประเทศญี่ปุ่น คิดเป็นเงินไทยในขณะนั้น 358 ล้านบาท มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง เป็นผู้ออกแบบ ใช้เวลาในการวิจัยค้นคว้าข้อมูลนานถึง 9 ปี”
ประเสริฐ เทพอินถา ผู้จัดการส่วนอุทยานสามเหลี่ยมทองคำ เล่าให้ฟังก่อนเข้าไปชมด้านใน
“จุดแรกที่เราจะเดินผ่านเข้าไปเรียกว่า อุโมงค์มุข ซึ่งเจาะทะลุภูเขา ความยาว 137 เมตร แฝงแนวคิดที่ว่า เมื่อคนตกเป็นทาสยาเสพติด ชีวิตเค้าเหมือนติดอยู่ในอุโมงค์ หาทางออกไม่เจอ”
ปลายอุโมงค์เป็นจุดเริ่มต้นของห้องนิทรรศการต่าง ๆ เชื่อมร้อยต่อเนื่องเป็นเรื่องราว เพื่อง่ายต่อการเข้าใจ ตั้งแต่การค้นพบฝิ่นครั้งแรก จนถูกนำมาใช้ในเชิงการแพทย์ บันทึกโบราณยุคกรีกและอียิปต์ ข้ามทวีปยุโรปผ่านทางเรือมายังเอเชีย จนเกิดสงครามฝิ่น การเดินทางของฝิ่นเข้าสู่ประเทศไทย ข้าวของเครื่องใช้ อุปกรณ์เกี่ยวข้องกับฝิ่นซึ่งยากจะพบเห็น ฯลฯ บอกเล่าถึงการเก็บรวมข้อมูลมาอย่างละเอียดรอบคอบเป็นเวลาหลายปี กว่าจะมาเป็นหอฝิ่นแห่งนี้ได้อย่างชัดเจน
ปกติที่นี่ห้ามถ่ายภาพ แต่พวกเราได้ขออนุญาตไว้เป็นกรณีพิเศษเพื่อนำมาเผยแพร่ แต่บางห้องหอฝิ่นขอห้าม เพราะมีภาพที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะ เวลากว่าสองชั่วโมงจึงหมดไปแบบไม่รู้ตัว เปิดโลกทัศน์เติมอาหารสมองให้เราได้มากมาย
สถานที่แนวพิพิธภัณฑ์ แหล่งแสดงนิทรรศการความรู้ มักเป็นของแสลงกับนักท่องเที่ยวชาวไทย แต่ชาวต่างชาติกับนิยมชมชอบ อยากแนะนำว่านักท่องเที่ยวทุกคนที่มาเชียงแสน “ควร” เข้าไปชม เพราะกว่าจะมาเป็นเมืองท่องเที่ยว เส้นทางเดินเรือพาณิชย์อย่างปัจจุบัน จุดบรรจบแผ่นดินไทย ลาว พม่า ได้ชื่อว่าเป็นพื้นที่ปลูกฝิ่น ผลิตและค้าเฮโรอีนแหล่งใหญ่ มีชื่อ (เสีย) ไปทั่วโลก เป็นดินแดนต้องห้ามสำหรับสุจริตชน เชื่อกันว่าเกินครึ่งของปริมาณเฮโรอีนในตลาดโลก มีต้นทางจากที่นี่
เช็คอิน The IMPERIAL GOLDEN TRIANGLE RESORT
เราฝากท้องมื้อเที่ยงที่ห้องอาหาร Border View รสมือเชฟอร่อยสมคำร่ำลือ โดยเฉพาะผัดไทยเส้นนุ่มละมุนลิ้น เติมถั่วลิสง พริกป่น คั่วบดสดใหม่ แซมเปรี้ยวด้วยมะนาวสด แกล้มหัวปลี ถั่วงอกดิบต้นอวบ เพลินพุงถึงกับลืมว่าเติมใหม่ไปกี่จาน
หลังมื้ออาหาร คุณไก่ ธีรดา อิ่นคำ Hotel Manager พาเดินชมรอบ ๆ บริเวณที่พัก รูปแบบอาคารผสมผสานระหว่างปูนจับคู่กับไม้สัก ออกมาเป็นสถาปัตยกรรมร่วมสมัยกลิ่นอายล้านนาได้อย่างไม่ขัดเขิน ตัวอาคารตั้งอยู่บนเนิน มีภูเขาเป็นกำแพงอยู่ด้านหลัง หันหน้าหาแม่น้ำใหญ่ ภูมิสถาปัตย์สง่างามตามหลักฮวงจุ้ย ประกอบกับการดูแลเอาใจใส่ของพนักงานที่ดูจริงใจ สังเกตได้ชัดจากแววตาและรอยยิ้มที่สื่อออกมา หมดข้อสงสัยว่าทำไม The IMPERIAL GOLDEN TRIANGLE RESORT จึงเป็นที่รู้จัก ประทับใจนักเดินทางมานานหลายปี
ปลื้มมากคือ ทุกห้องทุกแบบทั้ง Chiangsaen Suite, President Suite ซึ่งมีเพียงแบบละห้อง รวมถึง Superior และห้อง Deluxe ที่เราเข้าพัก มีระเบียงใหญ่ เสิร์ฟวิวสามเหลี่ยมทองคำและแม่น้ำโขงในต่างองศา เป็นพื้นที่เอนกประสงค์ จะนั่งจิบกาแฟ นั่งทำงาน รับประทานอาหารหรือยกเตียงนอนมาตั้งข้างนอก ก็ยังมีพื้นที่เหลือเฟือ โถงทางเดินหน้าห้อง กว้างขวางผนังเปิดโล่ง ทำให้รู้สึกไม่อึดอัด เหมาะกับการมาพักผ่อนอย่างแท้จริง
สระว่ายน้ำถูกจับแยกไปอยู่ด้านข้างอาคารห้องพัก ไม้พุ่มเตี้ย ๆ ช่วยอำพรางสายตาจากภายนอก ให้ความเป็นส่วนตัวแถมมาด้วยโอโซนบริสุทธิ์ ห้องจัดเลี้ยง Mekong Auditourim อาคารไม้แบบล้านนาดั้งเดิม อยู่ติดชายเขาด้านหลัง ไม่รบกวนส่วนของอาคารห้องพักหากมีงานจัดเลี้ยงใหญ่ เพราะที่นี่จุได้ถึง 300 คน
หากมีโอกาสมาเชียงแสน แนะนำให้ปักหมุดเช็คอินที่ The IMPERIAL GOLDEN TRIANGLE RESORT แวะไปชมตัวอย่างห้องและบรรยากาศโดยรอบก่อนได้ที่ www.imperialgoldentriangleresort.com หรือจะโทรไปสอบถามโดยตรงที่หมายเลข 0 5378 4001-5
เชียงแสน ซิตี้ทัวร์
มีบันทึกโบราณกล่าวถึงอาณาจักรโยนก ซึ่งจมหายไปทั้งเมืองกับแผ่นดินไหว จนเกิดเป็นหนองน้ำใหญ่ ก่อนจะก่อร่างสร้างเมืองขึ้นมาใหม่ ผ่านยุคสมัยแห่งความรุ่งโรจน์ ผจญศึกสงครามช่วงชิงอาณาจักร ถูกเผาถูกปล่อยทิ้งร้าง บอบช้ำสะบักสะบอมกว่าจะมาเป็นเชียงแสนในปัจจุบัน
ซิตี้ทัวร์เบา ๆ ช่วงบ่าย เลยขอตามรอยอารยธรรม ผ่านโบราณสถานเก่าแก่ เริ่มที่ วัดเจดีย์หลวง ศัพท์สำเนียงเมืองเหนือมักเรียกสถูปเจดีย์ว่า “ธาตุ” หรือ “พระธาตุ” เรียกสิ่งที่มีขนาดใหญ่โตว่า “หลวง” เพราะวัดนี้มีเจดีย์ใหญ่อยู่หลังวิหาร ผู้สร้างรวมถึงปีที่สร้างมีที่มาหลายตำนาน สรุปโดยรวมได้ความว่าอายุ 700 กว่าปี ภายในวิหารมีพระพุทธรูปเชียงแสนสิงห์ 1 ประดิษฐานเป็นองค์ประธาน ยอดพระธาตุเจดีย์หลวงหักเสียหายจากแผ่นดินไหว แต่ได้รับการบูรณะใหม่เป็นที่เรียบร้อย
ส่วน วัดพระธาตุผาเงา จุดหมายต่อมาของเรา ไม่มีอะไรบอบช้ำ มาถึงแล้วห้ามพลาด เข้าไปกราบหลวงพ่อผาเงา พระพุทธรูปที่ผู้เชี่ยวชาญทางโบราณคดีวิเคราะห์ว่า น่าจะมีอายุราว 700 – 1,300 ปี ซึ่งถูกค้นพบอยู่ใต้ฐานพระองค์ใหญ่ ระหว่างบูรณะเมื่อปี พ.ศ.2519
วัดพระธาตุจอมกิตติ พระธาตุสีทองยามต้องแสงช่างงดงามนัก ยอดปลีองค์พระธาตุประดับด้วยอัญมณีนพเก้า ที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 และ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชทานเพื่อบูชาพระบรมสารีริกธาตุ (พระเกศาธาตุ) อัญมณีสองชนิดคือ โกเมนและนิล สูญหายตอนแผ่นดินไหว แต่มีประชาชนนำสมบัติส่วนตัวมามอบให้กรมศิลปากร เพื่อบูรณะประดับให้ครบทั้งเก้าอย่างดังเดิม เชื่อว่าจะช่วยส่งเสริมยศถาบรรดาศักดิ์ ลาภยศสรรเสริญ เมื่อได้มากราบไหว้
ที่ตั้งของวัดอยู่เชิงเขา มีบันไดนาคให้เดินขึ้นไปกราบพระธาตุ แต่ส่วนใหญ่มักขับรถขึ้นมาหยุดในลานจอดด้านบน ซึ่งอยู่ติดกับพระธาตุจอมแจ้งและอุโบสถของ วัดจอมแจ้ง จนมักเข้าใจผิดคิดว่าเป็นวัดเดียวกัน เพราะไม่มีรั้วรอบขอบอาณาเขต
ลานหน้าอุโบสถวัดจอมแจ้งเป็นจุดชมวิวแม่น้ำโขงและบางมุมของเชียงแสน หากจะเอาประวัติฉบับเต็มนั้นคงสไลด์หน้าจอเลื่อนคียบอร์ดกันปวดนิ้ว เลยขอเล่าให้ฟังแบบย่อสั้น บริเวณนี้เรียกว่า “ดอยน้อย“ พระธาตุจอมกิตติถูกสร้างขึ้นมาก่อน เจ้าสุวรรณคำล้านมาบูรณะและสร้างวัดจอมแจ้งขึ้นมาในปี พ.ศ.2030 ส่วนวัดพระธาตุจอมกิตติ มาสร้างภายหลังเมื่อปี พ.ศ.2500
มื้อเย็นทางโรงแรมจัดขันโตกอาหารพื้นเมือง ไส้อั่ว หมูยอ แคปหมู น้ำพริกหนุ่ม แกงฮังเล ขนมจีนน้ำเงี้ยว ฯลฯ ทัวร์เมืองมาทั้งวันเลยกินกันแบบไม่นับแคลอรี่
ดาวเด่นของมื้อต้องยกให้ บาลาฉ่องหรือปะหล่าฉ่อง น้ำพริกกุ้งแห้งแบบไทใหญ่ พี่ไก่บอกเป็นซิกเนเจอร์ของทางโรงแรม กินกับผักสดผักลวก รสออกทางเผ็ด แต่อร่อยจนถ้วยสะอาด
เริ่มวันใหม่ที่ริมโขง
กลางคืนยาวนานกว่ากลางวันในฤดูหนาว จวนหกโมงเช้า เดือนเสี้ยวดาวสวยยังนวยนาดอยู่บนท้องฟ้า นกฝูงเล็กฝูงใหญ่บินข้ามโขงมาหากินฝั่งไทยโดยไม่ต้องใช้บัตรผ่านแดน หมอกขาวกรีดกรายอยู่บนยอดเขาทางฝั่งลาวและพม่า เดินจากหน้าโรงแรมไม่ถึงร้อยเมตร ก็มาทักทายตะวันยามเช้าได้ง่าย ๆ ตรงจุดที่แม่น้ำรวกฝั่งไทย ไหลบรรจบกับน้ำโขง ย่านนี้จึงเรียกว่า “สบรวก”
ลมเย็น ๆ วิ่งเล่นอยู่รอบตัว เสียงเครื่องยนต์เรือเริ่มทำงาน การจราจรทางน้ำเริ่มเคลื่นไหว เรือเล็กเรือใหญ่วิ่งผ่านไปมา แต่บนฝั่งยังสงบไม่พลุกพล่าน เพราะนักท่องเที่ยวมักเดินทางมาช่วงสายถึงเย็น
เป็นโอกาสเหมาะที่จะกราบนมัสการ พระพุทธนวล้านตื้อ พุทธศิลป์เชียงแสนขนาดหน้าตักกว้าง 9.99 เมตร สูง 15.99 เมตร ประทับบนเรือแก้วกุศลธรรม เป็นองค์จำลองซึ่งเชื่อว่าองค์จริงจมอยู่ก้นแม่น้ำโขง
ได้กราบพระอย่างสงบใจสบาย เสร็จแล้วเดินทอดน่องกลับที่พัก เพราะมีนัดกับอาหารเช้า เป็นอีกมื้อประทับใจให้จดจำ ได้หม่ำอาหารอร่อย ชมวิวสวย จนรู้สึกอิจฉาคู่รักโต๊ะข้าง ๆ
วันเดียวเที่ยวสองประเทศ
ฝั่งตรงข้ามอำเภอเชียงแสน คือเมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ที่นักลงทุนชาวจีนได้รับสัมปทานจากรัฐบาลลาวอนุญาต ให้ใช้พื้นที่เพื่อการลงทุนเป็นเวลา 99 ปี
ที่เรารู้จักดีคือ คาสิโนคิงส์โรมัน หากมองจากฝั่งไทยจะสังเกตุเห็นโดมหลังคาสีทอง เค้าเปิดให้ข้ามไปเที่ยวได้ โดยยื่นเอกสารทำเรื่องขอบัตรผ่านแดน จะมีเรือจากฝั่งโน้นที่รูปทรงไม่เหมือนใครในน่านน้ำมาคอยรับ ตรงท่าเรือด่านพรมแดนไทย-ลาว จุดผ่านแดนถาวรสามเหลี่ยมทองคำ
ผ่านจุดตรวจคนเข้าเมือง มีรถจากคาสิโนมารับ การลงทุนระยะยาวเหมือนกับสร้างเมืองใหม่ ทั้งโรงแรม คาสิโน วัดจีน วัดทิเบต พระราชวังต้องห้ามจำลอง ไชน่าทาวน์ ฯลฯ ในคาสิโนห้ามถ่ายรูปโดยเด็ดขาด ส่วนข้างนอกไม่มีข้อห้าม แต่โดยส่วนตัวไม่ค่อยได้ถ่ายภาพเท่าไหร่ เพราะพยายามมองหาอะไรที่สื่อถึงความเป็นประเทศลาวมากกว่าจีน
บางคนไม่ใช่นักเสี่ยงโชคหรือนักท่องเที่ยว เพราะที่นี่มีคอนโดมิเนียมให้คนจีนมาซื้อเพื่ออยู่อาศัยเป็นหลักเป็นแหล่ง แทบจะไม่เหลือกลิ่นอายของความเป็นลาวเลยก็ว่าได้ แต่เป็นโอกาสสร้างงานสร้างรายได้ให้กับคนพื้นที่ได้อย่างดีเยี่ยม แหล่งชอปปิ้งมีที่ตลาดเกาะดอนซาวและร้านค้าปลอดภาษีตรงจุดตรวจคนเข้าเมือง
กลับมาฝั่งไทย แวะกินมื้อเที่ยงที่ร้านครัวไท อาหารรสชาติดีถูกปาก สะอาดสะอ้าน อิ่มหมีพีมันแล้วเดินทางต่อไป อ.แม่สาย เที่ยวตลาดท่าขี้เหล็กของเมียนมา
หากเป็นสมัยก่อนคนส่วนใหญ่จะข้ามไปซื้อพวกหนังแผ่น ซีรี่ย์ต่างประเทศ แต่ตอนนี้เหลือเพียงข้าวของจิปาถะ บางคนก็เช่ารถไปเที่ยววัด ไหว้เจดีย์ชเวดากองจำลอง คนพม่าก็นิยมข้ามมาซื้อของฝั่งไทย ซื้อกันไปขายกันมา ทำให้ย่านนี้ไม่เคยเงียบเหงา นอกจากมีเหตุการณ์ด้านความมั่งคง จนต้องปิดด่านในบางครั้ง
ใครว่าแค่วันหยุดเสาร์ – อาทิตย์ จะเที่ยวได้แค่ใกล้ ๆ สองวันเรายังอยู่ถึงสามประเทศ เพราะบินไปบินกลับประหยัดเวลาเดินทาง ทำให้มีเวลาเที่ยวเยอะขึ้น เลือกที่พักสะดวกสบาย อาหารอร่อย กินอิ่มนอนหลับ พลังจึงเหลือเฟือ กลับถึงกรุงเทพฯ ค่ำ เช้าวันจันทร์ตื่่นไปทำงานได้แบบสดชื่น